ขยะพลาสติก ภัยคุกคามเงียบที่ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศและสัตว์ทะเล

ขยะพลาสติกในทะเลได้กลายเป็นหนึ่งในปัญหาสิ่งแวดล้อมที่สำคัญและเร่งด่วนที่สุดในระดับโลก งานวิจัยโดย Jambeck et al. (2015) ที่ตีพิมพ์ในวารสาร Science ระบุว่า มีขยะพลาสติกประมาณ 8 ล้านตัน ถูกทิ้งลงสู่มหาสมุทรในแต่ละปี ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อระบบนิเวศทางทะเล และเป็นภัยคุกคามต่อชีวิตสัตว์ทะเลหลากหลายชนิด

สัตว์ทะเล เช่น เต่าทะเล วาฬ ปลา และนกทะเล มักเผลอกินขยะพลาสติกเข้าไป ซึ่งสามารถทำให้เกิดการอุดตันในระบบทางเดินอาหาร หรือสะสมสารพิษที่ส่งผลต่อสุขภาพและการเจริญเติบโต นอกจากนี้ พลาสติกที่ลอยอยู่ในทะเลยังสามารถพันร่างสัตว์ทะเล ทำให้สัตว์ไม่สามารถเคลื่อนที่ได้ หรือได้รับบาดเจ็บจนเสียชีวิต (Gall & Thompson, 2015, Environmental Science & Technology).

การลดการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว (Single-use plastics) เช่น ถุงพลาสติก หลอด และภาชนะบรรจุอาหาร เป็นแนวทางสำคัญที่ช่วยลดปริมาณขยะพลาสติกที่เข้าสู่ระบบนิเวศทางทะเล นอกจากนี้ การจัดการขยะอย่างถูกวิธี และการส่งเสริมการใช้วัสดุที่สามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ จะช่วยลดผลกระทบระยะยาวต่อทะเลและสัตว์ทะเลได้อย่างยั่งยืน

องค์การสหประชาชาติ (United Nations Environment Programme – UNEP) ได้กำหนดให้ปี 2022 เป็นต้นไป เป็น “ปีแห่งการลดขยะพลาสติก” และเน้นย้ำความสำคัญของความร่วมมือระหว่างประเทศและภาคประชาชนในการปกป้องมหาสมุทร

ร่วมมือกัน “ลดใช้พลาสติก รักษ์ชีวิตใต้ทะเล” เพื่อความสมบูรณ์ของระบบนิเวศทางทะเลและอนาคตที่ยั่งยืนของไทย

ในปี พ.ศ. 2568 ปัญหาขยะพลาสติกในทะเลยังคงเป็นวิกฤตระดับโลกที่ส่งผลกระทบรุนแรงต่อความหลากหลายทางชีวภาพ ความมั่นคงทางอาหาร และเศรษฐกิจของประเทศชายฝั่งทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยด้วย ขยะทะเล โดยเฉพาะขยะพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว (Single-Use Plastics) ได้กลายเป็นภัยเงียบที่คุกคามสิ่งมีชีวิตในทะเลนับล้านตัวในแต่ละปี

จากรายงานสถานการณ์สิ่งแวดล้อมทางทะเลประเทศไทย ปี 2567 โดยกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) ระบุว่า ประเทศไทยมีปริมาณขยะทะเลมากกว่า 47,000 ตันต่อปี โดยร้อยละ 78 เป็นขยะพลาสติก และในจำนวนนี้ ร้อยละ 60 ถูกพบในบริเวณชายฝั่งทะเลอันดามันและอ่าวไทย ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อแหล่งทรัพยากรธรรมชาติทางทะเล โดยเฉพาะเต่าทะเล โลมา และสัตว์ทะเลหายากอื่น ๆ ที่เสี่ยงต่อการกลืนกินหรือพันธนาการจากขยะดังกล่าว

ภัยคุกคามต่อชีวิตสัตว์ทะเล

สัตว์ทะเลมักเข้าใจผิดว่าพลาสติกเป็นอาหาร โดยเฉพาะถุงพลาสติกที่ลอยอยู่ในน้ำ ซึ่งมีลักษณะคล้ายแมงกะพรุน เต่าทะเลหลายสายพันธุ์ เช่น เต่ากระและเต่ามะเฟือง จึงมักกลืนกินพลาสติกโดยไม่รู้ตัว ก่อให้เกิดการอุดตันภายในระบบทางเดินอาหาร บางกรณีพบซากเต่าทะเลที่มีพลาสติกในกระเพาะอาหารมากกว่า 80 ชิ้น

ข้อมูลจากโครงการติดตามสุขภาพเต่าทะเลในพื้นที่ทะเลอันดามันตอนบน ปี 2567 (สถาบันวิจัยทรัพยากรทางทะเล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกับ ทช.) พบว่า เต่าทะเลที่เกยตื้นหรือเสียชีวิตกว่า 40% มีการกลืนกินขยะพลาสติกในปริมาณที่ส่งผลต่อสุขภาพโดยตรง

นอกจากเต่าแล้ว สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในทะเล เช่น โลมา วาฬบรูด้า และพะยูน ต่างก็ได้รับผลกระทบจากไมโครพลาสติกที่สะสมในห่วงโซ่อาหารทะเล โดยเฉพาะสัตว์ที่กินแพลงก์ตอนเป็นหลัก ซึ่งมีแนวโน้มสะสมสารพิษในระดับสูง ส่งผลต่อการสืบพันธุ์และอายุขัยของพวกมันในระยะยาว

ผลกระทบเชิงระบบนิเวศและสังคม

มลพิษทางทะเลจากขยะพลาสติกไม่เพียงทำลายชีวิตสัตว์ทะเล หากแต่ยังบั่นทอนความสมดุลของระบบนิเวศชายฝั่งและทะเลโดยรวม เช่น การลดลงของจำนวนแพลงก์ตอนพืช การรบกวนกระบวนการสังเคราะห์แสงในน้ำ และการเปลี่ยนแปลงของประชากรปลาตามฤดูกาล นอกจากนี้ ขยะทะเลยังส่งผลเสียต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยว การประมงพื้นบ้าน และความปลอดภัยของผู้ที่ทำมาหากินในทะเลโดยตรง

แนวทางการมีส่วนร่วมของสังคมในปี 2568

1. การขับเคลื่อนนโยบายลดพลาสติกระดับประเทศ

รัฐบาลไทยโดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ดำเนิน “แผนปฏิบัติการงดใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว ระยะที่ 2 (2566–2570)” เพื่อมุ่งสู่การลดขยะพลาสติกในแหล่งธรรมชาติให้ได้อย่างน้อยร้อยละ 50 ภายในปี 2570 โดยมีมาตรการสำคัญ ได้แก่

  • การยกเลิกการใช้ถุงพลาสติกหูหิ้ว ขวดน้ำพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว และภาชนะโฟมในหน่วยงานรัฐ

  • การส่งเสริมภาคเอกชนเปลี่ยนมาใช้วัสดุชีวภาพ

  • การสนับสนุนการออกแบบผลิตภัณฑ์ตามแนวทางเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy)

2. การมีส่วนร่วมของประชาชน

  • หลีกเลี่ยงการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว เช่น หลอดพลาสติก ถุงพลาสติก กล่องโฟม

  • ใช้ผลิตภัณฑ์ทางเลือก เช่น ถุงผ้า หลอดไม้ไผ่ หรือภาชนะที่ย่อยสลายได้

  • ร่วมกิจกรรมเก็บขยะชายหาดและรณรงค์กับชุมชนชายฝั่ง

  • สนับสนุนสินค้าที่มีฉลาก “เป็นมิตรต่อทะเล” หรือผ่านการรับรองสิ่งแวดล้อม

3. บทบาทของหน่วยงานรัฐและองค์กร

  • ส่งเสริมการจัดนิทรรศการให้ความรู้แก่เยาวชน เช่น “พลาสติกภัยเงียบใต้ทะเล”

  • จัดกิจกรรมวันทะเลโลก (World Oceans Day) อย่างต่อเนื่องทุกปี

  • พัฒนาพื้นที่ต้นแบบ “ชุมชนปลอดพลาสติก” ในจังหวัดชายฝั่งทะเล

  • ผลักดันการออกกฎหมายควบคุมบรรจุภัณฑ์ที่ไม่ย่อยสลาย

บทสรุป

การลดการใช้พลาสติกไม่ใช่เพียงหน้าที่ของหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง แต่เป็นพันธกิจร่วมของทุกคนบนโลกใบนี้ ด้วยการเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ น้อย ๆ ในชีวิตประจำวันของประชาชนแต่ละคน เราสามารถช่วยลดปริมาณขยะทะเล ช่วยชีวิตสัตว์ทะเล และอนุรักษ์มหาสมุทรให้คงอยู่สู่คนรุ่นหลังอย่างยั่งยืน

แหล่งอ้างอิง

  1. กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง. (2567). รายงานสถานการณ์สิ่งแวดล้อมทางทะเลประเทศไทย ปี 2567. กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม.

  2. สถาบันวิจัยทรัพยากรทางทะเล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. (2567). โครงการติดตามสุขภาพเต่าทะเลในทะเลอันดามันตอนบน.

  3. United Nations Environment Programme (UNEP). (2021). From Pollution to Solution: A global assessment of marine litter and plastic pollution.

  4. Wilcox, C., et al. (2018). Using expert elicitation to estimate the impacts of plastic pollution on marine wildlife. Marine Policy, 65, 107–114.

จัดทำโดย

นักประชาสัมพันธ์ ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามันตอนบน

เอกสารอ้างอิง

กองสารสนเทศและเทคโนโลยีการสำรวจทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง