ชื่อวิทยาศาสตร์ (scientific name)
เป็นชื่อสากลของสิ่งมีชีวิต ถูกตั้งขึ้นเพื่อให้สื่อสารตรงกัน มีการใช้ครั้งแรกโดย คาโรลัส ลินเนียส (Carolus Linnaeus)

1.ประกอบด้วย 2 คำเสมอ
– คำแรกเป็นชื่อสกุล (generic name)
ขึ้นต้นด้วยภาษาอังกฤษตัวอักษร “พิมพ์ใหญ่”
นอกนั้นใช้ตัวอักษรพิมพ์เล็ก

– คำหลังเป็นคำระบุชนิด (specific epithet)
ขึ้นต้นด้วยภาษาอังกฤษตัวอักษร “พิมพ์เล็ก”
**ระหว่างชื่อสกุล กับคำระบุชนิด จะต้องเว้นวรรค**

2.ใช้ภาษาละตินเป็นภาษาในการตั้งชื่อ
เนื่องจากเป็นภาษาที่ตายแล้ว ไม่มีการเปลี่ยนแปลงความหมายอีก จึงทำให้ความหมายของชื่อยังคงเดิมไปไม่เปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล

3.ต้องเขียนหรือพิมพ์ให้มีลักษณะแตกต่างจากอักษรอื่น เช่น พิมพ์ด้วยตัวเอน ตัวหนา หรือ ขีดเส้นใต้ (เส้นไม่ต่อกันระหว่างคำหน้าและคำหลัง) และให้เลือกใช้เพียงวิธีใดวิธีหนึ่งเท่านั้น

4.หากต้องการใส่ชื่อผู้ตั้งชื่อวิทยาศาสตร์ (author name) ให้ใส่หลังคำระบุชนิด (specific epithet) โดยให้ใช้ตัวอักษรปกติ ไม่ต้องเขียนตัวเอน ตัวหนา หรือขีดเส้นใต้

Shortnote: การตั้งชื่อวิทยาศาสตร์ (Nomenclature)

⚠️ประเด็นควรรู้
1.ชื่อวิทยาศาสตร์ คือชื่อที่บอกสปีชีส์ของสิ่งมีชีวิต แบ่งเป็น สองส่วนคือ genus + specific epithet
2.ถ้าชื่อวิทยาศาสตร์เดียว = สปีชีส์เดียวกัน = สามารถสืบพันธุ์กันได้ให้ลูกไม่เป็นหมัน (เคยออกสามัญ)
3.ในบางครั้ง อาจเพิ่มเติม subspecies ได้ มาเป็นท่อนที่สาม

 

จัดทำโดย นักวิชาการประมงปฎิบัติการ

ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามันตอนบน

เอกสารอ้างอิง

  • คลังความรู้ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง  กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
  • คลังความรู้ SciMath. Terms and Conditions. Privacy.