เตือนภัยนักชิม! รู้จัก “หมึกสายวงฟ้า” พิษร้ายแรงกว่างูเห่า 20 เท่า ความร้อนทำลายไม่ได้ ห้ามรับประทานเด็ดขาด!

บทนำ: ในปัจจุบันมีการพบ “หมึกสายวงฟ้า” ปะปนอยู่กับหมึกสายอื่นๆ ทั่วไปในท้องตลาด หรือในเมนูหมึกย่างเสียบไม้ ซึ่งสร้างความกังวลให้กับผู้บริโภคเป็นอย่างมาก สถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำภูเก็ต (Phuket Aquarium) จึงขอประชาสัมพันธ์ข้อมูลสำคัญ เพื่อให้ทุกคนสังเกตก่อนรับประทาน เพื่อความปลอดภัยในชีวิต

สาระสำคัญที่ต้องรู้ 

1. ความร้อนทำลายพิษไม่ได้! (จุดที่สำคัญที่สุด)

หลายคนเข้าใจผิดว่าการนำไปย่าง ต้ม หรือทอด จะช่วยล้างพิษได้ แต่ความจริงคือ ไม่สามารถทำได้ครับ

  • พิษของหมึกสายวงฟ้าคือ เตโตรโดท็อกซิน (Tetrodotoxin) ซึ่งเป็นพิษชนิดเดียวกับปลาปักเป้า

  • พิษชนิดนี้ ทนความร้อนได้สูงถึง 200 องศาเซลเซียส ดังนั้นการปรุงอาหารด้วยความร้อนปกติ (ย่าง/ลวก/ต้ม) จึง ไม่สามารถทำลายพิษได้ การรับประทานเข้าไปแม้เพียงเล็กน้อยอาจถึงแก่ชีวิต

2. จุดสังเกต: ตัวไหนกินได้ ตัวไหนห้ามกิน?

จากภาพ เราสามารถแยกแยะความแตกต่างเบื้องต้นได้ดังนี้:

  • ห้ามกินเด็ดขาด: หมึกสายวงฟ้า (Blue-ringed Octopus)

    • ลักษณะ: มีลายวงแหวนสีฟ้าหรือสีน้ำเงิน กระจายอยู่ทั่วตัวและหนวด

    • เมื่อถูกรบกวน วงแหวนจะเรืองแสงชัดเจน

    • พิษ: ร้ายแรงมาก ส่งผลต่อระบบประสาท ทำให้เป็นอัมพาตและหยุดหายใจ

  • กินได้: หมึกสายทั่วไป/หมึกสายวงตา (Ocellated Octopus)

    • ลักษณะ: อาจมีจุดวงกลมคล้ายวงแหวน แต่จะมีเพียง 1 คู่ (ซ้าย 1 วง / ขวา 1 วง) บริเวณใต้ตาหรือโคนหนวด ไม่ได้กระจายทั่วตัวแบบหมึกสายวงฟ้า

    • ความปลอดภัย: สามารถนำมาปรุงอาหารรับประทานได้ตามปกติ

อาการเมื่อได้รับพิษ

หากเผลอรับประทานหมึกสายวงฟ้าเข้าไป พิษจะออกฤทธิ์อย่างรวดเร็วภายใน 5-30 นาที โดยจะมีอาการ:

  1. เริ่มชาบริเวณริมฝีปาก ลิ้น และใบหน้า

  2. กล้ามเนื้อแขนขาอ่อนแรง

  3. หายใจลำบาก หน้าอกแน่น

  4. ในรายที่รุนแรง จะเกิดอัมพาตทั่วร่างกายและหยุดหายใจ เสียชีวิตได้หากไม่ได้รับการช่วยชีวิตทันท่วงที

ข้อแนะนำจาก Phuket Aquarium

  1. สังเกตก่อนซื้อ: ก่อนเลือกซื้อหมึกย่างหรือหมึกสด ให้สังเกตลวดลายบนผิวหมึกให้ดี หากพบหมึกที่มีลายวงแหวนทั่วตัว ห้ามซื้อและห้ามรับประทานเด็ดขาด

  2. แจ้งเบาะแส: หากพบเห็นร้านค้าใดขายหมึกที่มีลักษณะคล้ายหมึกสายวงฟ้า ควรแจ้งเตือนแม่ค้าหรือแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ตรวจสอบทันที

  3. การปฐมพยาบาล: หากพบผู้ได้รับพิษ ต้องรีบนำส่งโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดทันที และระหว่างทางหากผู้ป่วยหยุดหายใจ ให้ทำการช่วยฟื้นคืนชีพ (CPR) จนกว่าจะถึงมือแพทย์