ส่องโลก “ปลาหมึก 10 หนวด” (Decapodiformes): กายวิภาคและการจำแนกสายพันธุ์จากโครงสร้างภายใน

ปลาหมึก (Cephalopods) ถือเป็นสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังที่มีความเฉลียวฉลาดและมีวิวัฒนาการที่ซับซ้อน โดยเฉพาะในกลุ่ม “ปลาหมึก 10 หนวด” ซึ่งมักสร้างความสับสนในการจำแนกชนิด วันนี้ Phuket Aquarium จะนำเสนอข้อมูลเชิงลึกเพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องตามหลักวิทยาศาสตร์

1. สัณฐานวิทยาของหนวด (Morphology of Arms and Tentacles) ปลาหมึกในกลุ่มนี้มีรยางค์ทั้งหมด 5 คู่ (10 เส้น) แบ่งหน้าที่ตามสรีรวิทยา ดังนี้:

  • หนวดสั้น (Arms): จำนวน 8 เส้น (4 คู่) ทำหน้าที่ทั่วไปในการว่ายน้ำและจัดการอาหาร

  • หนวดยาว (Tentacles): จำนวน 2 เส้น (1 คู่) เป็นอวัยวะพิเศษที่มีความยืดหยุ่นสูง ปลายหนวดมักมีปุ่มดูด (Suckers) ใช้สำหรับพุ่งจับเหยื่อด้วยความเร็วสูง

2. การจำแนกกลุ่มตามโครงสร้างภายใน (Internal Shell Classification) เราสามารถแยกประเภทปลาหมึกได้ชัดเจนจากเปลือกที่ลดรูปเข้าไปอยู่ภายในลำตัว:

2.1 กลุ่มปลาหมึกกระดอง (Cuttlefish)

  • ลักษณะเด่น: มีแผ่นแข็งภายในลำตัวเรียกว่า “กระดอง” หรือ “ลิ้นทะเล” (Cuttlebone)

  • องค์ประกอบทางเคมี: แคลเซียมคาร์บอเนต (Calcium Carbonate) มีลักษณะรูพรุนช่วยในการลอยตัว

  • สายพันธุ์ที่พบได้บ่อย:

    • ปลาหมึกกระดองลายเสือ (Sepia pharaonis)

    • ปลาหมึกกระดองหางแหลม (Sepia aculeata)

    • ปลาหมึกกระดองหางไหม้ (Sepiella inermis)

2.2 กลุ่มปลาหมึกกล้วย (Squid)

  • ลักษณะเด่น: มีแกนลักษณะแบนใส เรียกว่า “แกนใส” (Gladius หรือ Pen)

  • องค์ประกอบทางเคมี: ไคติน (Chitin)

  • สายพันธุ์ที่พบได้บ่อย:

    • ปลาหมึกหอม (Sepioteuthis lessoniana)

    • ปลาหมึกกล้วยหางแหลม (Uroteuthis (Photololigo) edulis)

การศึกษาโครงสร้างเหล่านี้ทำให้เราเข้าใจถึงการปรับตัวเพื่อความอยู่รอดในมหาสมุทรของปลาหมึกแต่ละชนิด ผู้ที่สนใจสามารถมาเยี่ยมชมและเรียนรู้วิถีชีวิตของสัตว์ทะเลเหล่านี้ได้ที่ Phuket Aquarium

  • จัดทำโดย

    นักวิชาการประมงปฏิบัติการ
    ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามันตอนบน


    เอกสารอ้างอิง

    • สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

    • กองสารสนเทศและเทคโนโลยีการสำรวจทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง

    • สถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง