การจัดตู้ปลาทะเล

ปลาทะเล คือ ปลาที่อาศัยอยู่ในทะเลหรือมหาสมุทร ซึ่งเป็นแหล่งน้ำที่มีความเค็มเฉลี่ยประมาณ 35 ส่วนในพันส่วน (ppt) โดยปลาทะเลต้องมีการปรับตัวทางสรีรวิทยา เพื่อขับเกลือส่วนเกินออกจากร่างกาย และป้องกันการสูญเสียน้ำ ปลาทะเลที่นิยมเลี้ยงในตู้ มีทั้งปลาสวยงามและปลาที่เลี้ยงง่ายสำหรับมือใหม่ เช่น ปลาคาร์ดินัล (มีความสวยงาม สีสันสดใส) ปลาการ์ตูน (Nemo) ปลาพยาบาล (สีเหลืองสดใส) และปลาอมยิ้ม ซึ่งเป็นปลาขนาดเล็กที่นิยมในกลุ่มผู้เลี้ยงปลาทะเลมือใหม่ สำหรับมืออาชีพ สามารถเลี้ยงปลาไหลมอเรย์ ปลาในกลุ่มปลาปะการัง (เช่น ปลาผีเสื้อ) นอกจากนี้ยังมีปลาทะเลบางชนิดที่เลี้ยงง่ายและเติบโตได้ดีในตู้ปลาทะเล

ข้อควรทราบก่อนเลี้ยงปลาทะเล:

1.ความพร้อมของตู้: การเลี้ยงปลาทะเลมีความซับซ้อนกว่าปลาสวยงามน้ำจืด ต้องมีการควบคุมสภาพแวดล้อมและคุณภาพน้ำอย่างสม่ำเสมอ

2.อุปกรณ์: ต้องใช้อุปกรณ์เฉพาะ เช่น ระบบกรองน้ำ เครื่องวัดความหนาแน่นของน้ำ และอุปกรณ์ทดสอบคุณภาพน้ำ

3.ความรู้และประสบการณ์: การศึกษาความต้องการของปลาทะเลแต่ละชนิดเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อลดความสูญเสียที่ไม่จำเป็น

การจัดตู้ปลาทะเล (Marine Aquarium) จะมีความซับซ้อนกว่าตู้ปลาน้ำจืด เพราะต้องจำลองสภาพน้ำทะเลให้เสถียร ทั้ง ความเค็ม อุณหภูมิ แสง และระบบกรอง เพื่อให้ปลาและสิ่งมีชีวิตอยู่ได้ยาวนาน

ตารางแสดง ขั้นตอนการจัดตู้ปลาทะเล

ขั้นตอนการจัดตู้ปลาทะเล รายละเอียด
1.เลือกขนาดตู้และอุปกรณ์

– ขนาดตู้

 

– อุปกรณ์จำเป็น:

 

ตู้ปลาทะเลควรมีขนาด ตั้งแต่ 36 นิ้วขึ้นไป (น้ำมากจะควบคุมคุณภาพได้ง่ายกว่า)

1.Protein Skimmer → กำจัดของเสียอินทรีย์ก่อนจะย่อยสลายเป็นแอมโมเนีย

2.Filter (กรองชีวภาพ + กรองกล)

3.Wave Maker → เพิ่มการไหลเวียนเหมือนน้ำทะเลจริง

4.Heater/Chiller → ควบคุมอุณหภูมิ 24–27°C

5.หลอดไฟเฉพาะ (Marine/Coral Light) →จำเป็นต่อปะการังและสาหร่ายพืชน้ำทะเล

6.Hydrometer หรือ Refractometer → วัดความเค็ม (1.020–1.025 SG)

2.เตรียมน้ำทะเล

 

1.ใช้น้ำ RO/DI (Reverse Osmosis) →ปราศจากคลอรีนและแร่ธาตุเกิน

2.เติม เกลือสังเคราะห์สำหรับตู้ทะเล → ไม่ใช้เกลือแกง!

ปรับความเค็มให้อยู่ที่ 30–35 ppt (SG ~1.020–1.025)

3.เปิดกรอง + wave maker อย่างน้อย 24 ชั่วโมง

3.จัดวางพื้นตู้และหิน

 

 

1.ทรายทะเล (Aragonite Sand) → ควบคุมค่า pH และเป็นที่อยู่ของแบคทีเรีย

2.Live Rock (หินเป็น) → มีจุลินทรีย์และสิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ → เป็นหัวใจของระบบกรองชีวภาพ

3.จัดวางให้เกิดโพรง/ช่องว่าง → เป็นที่ซ่อนของปลาและเพิ่มการไหลเวียนน้ำ

4. การพักระบบ (Cycling)

 

 

1.เปิดระบบกรองและเวฟเมคเกอร์อย่างน้อย 4–6 สัปดาห์

2.ระหว่างนี้ ห้ามใส่ปลา → รอให้จุลินทรีย์ไนตริไฟอิ้ง (Nitrifying bacteria) เติบโต

3.ตรวจค่า NH₃, NO₂⁻, NO₃⁻ ให้ลดลงเหลือศูนย์ก่อนใส่ปลา

5. ใส่สิ่งมีชีวิต

 

 

เริ่มจาก สัตว์ทำความสะอาดตู้ เช่น กุ้งแซนด์,หอยก้นตู้ ค่อย ๆ ใส่ปลาทะเลที่เลี้ยงง่าย เช่น ปลาการ์ตูน (Clownfish) ปลาหางเหลือง (Yellowtail Damselfish) ปลาสลิดทะเล (Chromis) เป็นต้น

ถ้าจะเลี้ยงปะการัง → ต้องใช้ไฟเฉพาะและควบคุมคุณภาพน้ำอย่างเข้มงวด

6. การดูแลรักษา

 

 

1.ตรวจค่า ความเค็ม, pH, KH, Ca, Mg อย่างสม่ำเสมอ

2.เปลี่ยนน้ำ 10–20% ทุก 2 สัปดาห์ ด้วยน้ำเกลือสังเคราะห์ที่เตรียมไว้

3.ให้อาหารวันละครั้ง–สองครั้ง ปริมาณพอดี

4.ทำความสะอาดกระจกตู้และกรองเป็นประจำ